หนังแอ็คชั่นสายลับนักฆ่าที่ถูกปลุกชีพขึ้นมา เป็นการประเดิมความแปลกใหม่ที่เล่นประเด็นกับเวลานาทีชีวิตที่เหลือเพียง 24 ชั่วโมง กับชื่อเรื่อง 24 Hours to Live 24 ชั่วโมง จับเวลาฝ่าตาย หนังระทึกขวัญแอ็คชั่น นอกจากความมันส์ของฉากแอ็คชั่นต่อสู้แล้ว ยังผสมความดราม่าที่ใส่เข้ามาให้กับตัวละครที่มีเวลาชีวิตเหลืออย่างจำกัด เป็นหนังที่ฉายในปี 2017 กำกับโดย ไบรอัน สมิรซ์ ดูหนัง เรื่องนี้อย่างเป็นทางการที่ฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ออสตินเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2017 และออกฉายทาง VOD และในโรงภาพยนตร์ที่เลือกเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2017
นักแสดง/นำแสดงโดย
- อีธาน ฮอว์ค รับบทเป็น ทราวิส คอนราด
- ซู่ชิง รับบทเป็น หลิน บิสเส็ต
- พอล แอนเดอร์สัน รับบทเป็น จิม มอร์โรว์
- รัทเกอร์ เฮาเออร์ รับบทเป็น แฟรงค์
- ไทโรน คีโอห์ รับบทเป็น คีธ ซาร่า
- นาทาลี โบลต์ รับบทเป็น ดร.เฮเลน
- เลียม คันนิงแฮม รับบทเป็น เวตซ์เลอร์

อ่านเรื่องย่อของ 24 Hours to Live 24 ชั่วโมง จับเวลาฝ่าตาย
ทราวิส คอนราด ไปที่บาร์เพื่อหาโคเคน เขาทำร้ายคนร้ายสองคนที่สะกดรอยตามมา และบอกกับเขาว่าจิมต้องการพบเขา จิมเสนอเงินให้ทราวิสวันละ 1 ล้านเหรียญเพื่อกวาดล้างความพยายามลอบสังหารคีธและหลินที่ล้มเหลว ตอนแรกก็ปฎิเสธไปเพราะเลิกรับงานแบบนี้แล้ว แต่ด้วยเงินจำนวนทำให้เขายอมทำ ทราวิสเดินทางไปฮ่องกงและพบกับลูกชายของหลิน เขาจึงขโมยโทรศัพท์ของลูกชาย เพื่อแอบดูการระบุตำแหน่งของหลิน และพยายามเข้าหาเธอเพื่อหาตำแหน่งของคีธอีกที แต่ทราวิสเลือกที่จะไม่จัดการเธอ แต่เธอรู้ว่าทราวิสเป็นสายลับจึงชิงสังหารเขาก่อน

องค์กรลับที่ชื่อว่า Red Mountain ได้ปลุกชีพให้ทราวิสกลับมามีชีวิตอีกครั้งโดยใช้เทคโนโลยีที่ค่อนข้างผิดศีลธรรม ทราวิสบอกตำแหน่งของคีธให้กับองค์กรนี้ เขาเพิ่งรู้ตัวว่ามีเวลาอีก 24 ชั่วโมงที่จะมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะตุยอีกครั้ง เขามีสองทางเลือกคือทำภารกิจที่ได้รับหรือสืบหาความจริงของภารกิจ หรือกลับไปสะสางความแค้น

ดูหนัง รีวิวหนัง 24 Hours to Live 24 ชั่วโมง จับเวลาฝ่าตาย
หลังจากที่ได้ดู 24 Hours to Live 24 ชั่วโมง จับเวลาฝ่าตาย ถือว่าเป็นหนังแอ็กชันที่มาพร้อมกับคอนเซปต์ที่น่าสนใจ แต่ก็ยังคงมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยที่ทำให้มันไม่สามารถเป็นหนังแอ็กชันที่โดดเด่นสุดๆ ได้ หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจคือ คอนเซปต์ของเวลาที่จำกัด ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมด ตัวเอก ทราวิส คอนราด (รับบทโดย อีธาน ฮอว์ก) ที่ต้องต่อสู้กับเวลา 24 ชั่วโมงสุดท้ายในชีวิตเพื่อแก้แค้นและไถ่บาป ถือเป็นความท้าทายที่เพิ่มความตึงเครียดและความเร่งรีบให้กับทุกการกระทำของตัวละคร โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่เขาต้องรีบตัดสินใจในสถานการณ์คับขัน ซึ่งทำให้เรารู้สึกถึงความเร่งรีบและลุ้นไปกับเขา การแสดงของ อีธาน ฮอว์ก ถือว่าเป็นจุดแข็งของหนัง เขาสามารถแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในตัวละครอย่างชัดเจน ทั้งความรู้สึกผิดในอดีตที่ต้องการชดใช้ และความมุ่งมั่นในการทำภารกิจสุดท้าย แม้ว่าเรื่องราวจะไม่ได้มีการพัฒนาตัวละครที่ลึกซึ้ง แต่การแสดงของฮอว์กก็ทำให้ทราวิสดูมีมิติ และทำให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีฉากแอ็คชันให้เราได้ ดูหนัง เรื่องนี้ได้อย่างบันเทิงก็ถือว่าเป็นอีกจุดที่ทำให้หนังดูสนุก แม้ว่าบางฉากจะไม่ค่อยสมจริงเท่าไร เช่น ตัวเอกที่ถูกยิงหลายครั้งแต่ยังสามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ แต่นั่นก็ทำให้หนังมีความตื่นเต้นและทำให้คนดูตื่นตัวตลอดเวลา
Leave a Reply