รีวิว A Legend พลิกตํานานฟัดทะลุเวลา 

การกลับมาของเฉินหลงในบทศาสตราจารย์ฝาง นักโบราณคดีที่ค้นพบวัตถุโบราณซึ่งเชื่อมโยงกับความฝันของเขา นำไปสู่การผจญภัยในวิหารน้ำแข็งและการเปิดเผยอดีตชาติของเขา เป็นหนังแฟนตาซีแอคชั่นของจีน ในปี 2024 เขียนบทและกำกับโดย สแตนลีย์ ทง ออกฉายในประเทศจีนเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2024 ดูหนัง ที่เป็นภาคต่อแบบสแตนด์อโลนของ The Myth และ Kung Fu Yoga แม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่เกี่ยวข้องกันมากนัก A Legend พลิกตํานานฟัดทะลุเวลา นำเสนอด้านเทคนิคพิเศษ โดยใช้ CGI เพื่อทำให้เฉินหลงดูหนุ่มขึ้นในบางฉาก ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ทั้งในด้านบวกและลบ ฉากแอ็กชันและสถานที่ถ่ายทำ เช่น วิหารน้ำแข็งและภูเขา ได้รับคำชมว่าอลังการและสวยงาม

นักแสดง/นำแสดงโดย

• แจ็กกี้ ชาน รับบทเป็น ศาสตราจารย์ฟาง
• เลย์ จาง รับบทเป็น หวางจิง
• อาริฟ ราห์มาน รับบทเป็น ฮับบาร์ด
• เสี่ยวหรานเผิง รับบทเป็น ซินหราน
• หลี่เฉิน รับบทเป็น เหลยเจิ้น
• เจิ้งเย่เฉิง รับบทเป็น เย่เฉิง
• ชอว์น ดู รับบทเป็น ฮั่ว ฉู่ปิ่ง

อ่านเรื่องย่อของ A Legend พลิกตํานานฟัดทะลุเวลา

ศาสตราจารย์ฟาง เป็นนักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญ ได้รับวัตถุโบราณจากนักเรียนของเขา หวังจิ้ง วัตถุชิ้นนี้มีพื้นผิวที่คล้ายกับหยกที่ปรากฏในความฝันของศาสตราจารย์เฉิน ซึ่งในฝันนั้น หญิงสาวชื่อ เมิ่งหยวน ถือหยกดังกล่าวอยู่ ​ด้วยความสงสัยในความเชื่อมโยงระหว่างความฝันและวัตถุโบราณ ศาสตราจารย์เฉินจึงตัดสินใจนำทีมสำรวจเข้าสู่พื้นที่ธารน้ำแข็งโบราณ เพื่อค้นหาความจริงเบื้องหลังความฝันของเขา 

การสำรวจนี้นำพวกเขาไปสู่การผจญภัยที่เต็มไปด้วยปริศนาและความลึกลับของวัดโบราณใต้ธารน้ำแข็ง ​ในระหว่างการสำรวจ ศาสตราจารย์ฟางได้พบกับ เมิ่งหยวน หญิงสาวจากความฝันของเขา ซึ่งทำให้เขาตระหนักว่าความฝันของเขาอาจเป็นความทรงจำจากอดีตชาติ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเมิ่งหยวนในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก

ดูหนัง รีวิวหนัง A Legend พลิกตํานานฟัดทะลุเวลา

โครงเรื่องของ A Legend พลิกตํานานฟัดทะลุเวลา ยังคงยึดแกนเดิมจากภาคก่อนหน้าอย่าง “The Myth” (2005) โดยใช้เส้นเรื่องที่ผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน มีการสอดแทรกตำนาน ความฝัน และภารกิจผจญภัยในแบบฉบับเฉินหลง แต่ในภาคนี้ บทกลับดูรีบเร่งในบางช่วง และขาดการปูเรื่องหรืออารมณ์ตัวละครอย่างลึกซึ้ง แม้จะพยายามโยงกับอดีตชาติและความรักแบบโรแมนติกดราม่า แต่ยังไม่สามารถทำให้คนดูอินไปกับมันได้อย่างเต็มที่ เฉินหลงยังคงเป็นเสาหลักของหนังเช่นเคย ด้วยคาแรกเตอร์ขี้เล่น ตลก และพร้อมฟัดทุกสถานการณ์ การเคลื่อนไหวยังมีความคล่องตัวสมวัย

นักแสดงสมทบอย่างจางอี้ซิง และกู่ลี่นาจา ทำหน้าที่ของตนได้ดี แต่บทอาจไม่ส่งมากพอให้เกิดความโดดเด่นหรือมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ชัดเจน แม้เฉินหลงจะมีอายุมากขึ้น แต่ฉากต่อสู้ยังคงออกแบบอย่างน่าตื่นเต้น ดูหนัง ที่มีการผสมผสานระหว่างศิลปะการต่อสู้แบบคลาสสิกกับเทคนิคสมัยใหม่ หนังยังให้ความสำคัญกับความคอมเมดี้เล็ก ๆ ขณะต่อสู้ ซึ่งเป็นลายเซ็นของเฉินหลง แต่บางฉากอาจดูเชื่องช้าไปบ้างในมาตรฐานของหนังแอ็กชันยุคใหม่ หนังใช้ CGI อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะฉากย้อนยุคและฉากแฟนตาซีที่เน้นความอลังการ เช่น ฉากในวิหารน้ำแข็ง แม้บางฉากจะยังดูไม่เนียนในระดับฮอลลีวูด แต่ถือว่าทำได้ดีในแง่ของงานสร้างระดับเอเชีย ดนตรีประกอบสามารถขับเคลื่อนอารมณ์ได้ดี มีความยิ่งใหญ่ในฉากแฟนตาซี และคลาสสิกในฉากย้อนอดีต แต่เวอร์ชั่นพากย์ไทยมีปัญหาเรื่องการมิกซ์เสียง บทพูดบางช่วงจมหาย ทำให้ขาดอรรถรส